หยุด

หยุดเสียที ที่หมายมั่น วันเสียสาว    หยุดเรื่องราว คาวโลกีย์ ที่อดสู


หยุดก่อนสาย หยุดคิด พินิจดู           หยุดเถิดสู ผู้คิดทำ ถลำใจ


เป็นหญิงไทย ให้รักนวล สงวนไว้     รักฤๅใคร่ ให้ตรอง ผองสาวใส


อย่าชิงสุก ก่อนห่าม ตามแต่ใจ        สิ่งที่ได้ ไม่คุ้มเสีย นะสาวเอย



การป้องกันการเสียตัว

4 ขั้นตอน ป้องกันการเสียตัว
วัยรุ่นผู้ชายมากมายหลายคนที่เป็นสมาชิก "หน่วยล่าพรหมจรรย์" เขาทั้งหลายจะรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ "ทำแต้ม" ในการจีบทิ้งจีบขว้าง…เมื่อสาวหลงใหล ก็ผลักไสเพื่อหา (เหยื่อราย) ใหม่ต่อไป เก็บสถิติให้หมดทุกคณะในมหาวิทยาลัย จีบแล้วฟัน ฟันแล้วทิ้ง เป็นวัฏจักรแห่งกิจกรรมชีวิต…เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของชีวิตจะมีวิธีการใดที่สาว ๆ วัยรุ่นที่น่ารักทั้งหลาย จะหลีกหนีมิให้ตนต้องตกเป็นเหยื่อของบุคคลดังกล่าว
1. อย่าเปิดโอกาส จากการสัมภาษณ์วัยรุ่นจำนวนมาก พบว่าการมีเซ็กส์ครั้งแรกไม่ได้เกิดขึ้นโดยความตั้งใจหรือมีการเตรียมความพร้อม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะบรรยากาศพาไป อยู่กันสองต่อสองหรือสถานที่ลับหูลับตา ถ้าเขาชักชวนไปในที่ดังกล่าว เราก็ขอเปลี่ยนเป็นสถานที่ที่ผู้คนชุกชุม เวลาค่ำมืดก็ต้องหลีกเลี่ยง แผนการที่เขาได้วางไว้ ไม่สามารถลงมือได้ เพราะโอกาสไม่เอื้ออำนวย อย่าคิดว่าผู้ชายดี ๆ จะไม่เคยคิดชั่ว เพราะมีวัยรุ่นคิดชั่วเป็นประจำ แต่ดีอยู่อย่างคือไม่เคยลงมือเพราะไม่มีโอกาส จากคนที่คิดชั่วเป็นประจำ มาเป็นเลิกคิดชั่วแล้ว…การเปลี่ยนแปลงตรงนี้เราเรียกว่า "วุฒิภาวะ" (Maturity) ส่วนหนึ่งของวุฒิภาวะคือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ความต้องการของตนหรือยับยั้งชั่งใจที่จะกระทำตามความแรงขับภายในจิตใจของตนเอง หรือพูดให้จำง่าย ๆว่า "สมองส่วนคิดควบคุมสมองส่วนอยาก"
เพราะฉะนั้น ในท่ามกลางหมู่เพื่อนวัยหนุ่มฉกรรจ์ซึ่งยังอ่อนวุฒิภาวะ สมองส่วนอยากทำงานมากกว่าสมองส่วนคิด
การปิดโอกาสมิให้ผู้ชายประพฤติชั่ว มีค่าเท่ากับการเปิดโอกาสให้เขารักษาความดี
2. อย่าเปิดเผยทรวดทรง ต้องรู้ว่าผู้ชายกับผู้หญิง อารมณ์ทางเพศตื่นตัวเร็วช้าต่างกัน เพราะฉะนั้น เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือรัดรูป เห็นร่องรอยทรวดทรงองค์เอวของคุณผู้หญิง เป็นเสมือนเครื่องกระตุ้นให้ผู้ชายดีๆแปลงร่างกลายพันธุ์เป็นสุนัขป่าล่าเหยื่อได้ ผู้หญิงอาจบอกว่าแต่งโชว์กันเองในหมู่เพื่อนหญิง หนูไม่คิดอะไรมาก…แต่ผู้ชายรู้สึกเยอะ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าแก้
3. อย่าเปิดไฟเขียว เป็นผู้หญิงต้องหัดรู้จักปฏิเสธซะบ้าง ไม่ใช่ผู้ชายจะทำอะไร เราไม่ชอบก็ยอมเขาไปหมด ต้องรู้จักใช้ปากในการปฏิเสธ หัดพูดคำว่า "ไม่" "อย่า" "หยุด" …สองคำหลัง ห้ามพูดติดกัน! คำปฏิเสธของเราเปรียบเสมือนสัญญาณไฟแดงบอกให้ฝ่ายชายหยุดการกระทำใดๆ ที่เป็นการเคลื่อนไหว…ถ้ายังไม่หยุด แนะนำว่าควรลุกเดินหนี เพราะบางราย ถ้าเราแค่พูดเฉยๆ เขาอาจคิดว่าเราปฏิเสธพอเป็นพิธี เวลาไปดูหนังด้วยกัน ในโรงหนังจะปิดไฟมืด แม้มีคนมาก แต่ก็เหมือนอยู่กันสองต่อสอง ดูหนังไปอาจเห็นฉากเลิฟซีนยั่วเย้าให้เกิดอารมณ์…ขณะเดียวกันกับที่ฝ่ายชายก็รุกเร้าด้วยการสัมผัส อาจเริ่มต้นที่วงแขนก่อนที่จะขยายวงกว้างขึ้น ๆ เราเป็นผู้หญิง ไม่ถูกใจก็ต้องกล้าพูด "นี่เธอทำอะไร หยุดนะ! เอามือออกจากแขนฉันเดี๋ยวนี้….แล้วไปวางไว้ที่หน้าขา" หมายถึงหน้าขาของฝ่ายชายนะคะ! อย่าเข้าใจผิด!
4. เจอกันครึ่งทาง บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผู้หญิงเองก็ได้รับสัมผัสแห่งความรู้สึกอันอบอุ่น ไว้วางใจ เชื่อมั่น ปลอดภัย และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายซึ่งยากต่อการปฏิเสธ…คุณก็รอโอกาสนี้มานานแล้ว ความรู้สึกโหยหาและหวงแหนทำให้คุณมิอาจเอ่ยคำพูดอันเป็นเหตุทำให้ชายที่คุณรักรีบ "ถอนสมอ" ขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อมจะจอดเทียบ "ท่าใจ" ของคุณ
คุณจึงไม่ยอมให้เขา "มือหลุด" เพราะไม่อยากให้เขา "หลุดมือ" ด้วยเหตุที่เขาเป็นผู้ชายที่คุณมองเห็นแล้วว่าดีพอสำหรับคุณ… การสัมผัสทางกาย เป็นการสื่อสารความรู้สึกผูกพันต่อกัน บ่งบอกอีกหลากหลายอารมณ์ที่ถ้อยคำวาจาก็มิอาจแทนใจ…แต่คุณจะกั้นพรมแดนของการสัมผัสอยู่แค่ไหน เพื่อที่จะถ่ายเทความรักจากใจสู่ใจระหว่างกัน…โดยที่คุณทั้งสองตระหนักถึงความไม่พร้อมที่จะมี "มีเพศสัมพันธ์" ถ้าแฟนขอที่จะมีความสัมพันธ์ด้วย แต่คุณคิดว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะไปถึงจุดนั้น…ต้องรู้เทคนิคการเจรจาต่อรองเพื่อพบกันครึ่งทาง…สถานการณ์สมมติ…
คุณพ่อจะทำยังไง ถ้าลูกสาวอยากให้คุณพาไปดูหนัง แต่คุณพ่ออยากนอนพักผ่อนอยู่กับบ้าน จะไปดูหนังตามใจลูกสาวก็ฝืนใจตัวเอง จะบังคับให้ลูกสาวอยู่บ้านก็ไม่อยากขัดใจลูก…ทางออกที่ไม่ทำร้ายจิตใจทั้งสองฝ่ายอาจเป็นการตกลงเช่า VDO มาดูที่บ้านดีกว่า…อย่างนี้เรียกว่า "เจรจาต่อรอง" เป็นการพบกันครึ่งทางโดยแท้
อาจหัดพูดประโยคต่อไปนี้…
"ฉันรักเธอมาก แต่ฉันยังไม่พร้อม แค่เธอกอดฉันไว้แน่น ๆ ฉันก็มีความสุขแล้ว"
"ฉันจะยอมต่อเมื่อเราเป็นสามีภรรยากันแล้วเท่านั้น"
ข้อมูลข้างต้นคงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสาว ๆ วัยรุ่นหลายคนได้มากเลยทีเดียวค่ะ และหวังเป็นอย่างยิ่งนะคะว่าภาษิตไทยที่ว่า “อดเปรี้ยว ไว้กินหวาน” จะยังใช้ได้เป็นอย่างดีกับน้องๆ วัยรุ่นในยุคนี้ค่ะ