บทความลง นสพ.ฉบับที่2

สวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน ฉบับที่แล้วเป็นครั้งแรกที่เราได้พบกัน ก็เป็นการเรียนรู้เรื่องเอดส์และภัยสุขภาพในตอนแรก ๆ แต่ยังไม่จบนะครับ สำหรับฉบับนี้จะขออนุญาตขั้นด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวันรุ่นหรือเยาวชนก่อน เพราะช่วงเดือนนี้ทุกท่านก็ทราบดีว่าเป็นเทศกาลวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก ถึงแม้จะเป็นวัฒนธรรมของต่างชาติ คนไทยเราก็ให้ความสนใจไม่น้อย เพราะขึ้นชื่อว่าความรัก ชนชาติไหน ๆ ก็ไฝ่หาทั้งนั้น คนมีความรัก รักได้ รักเป็น ก็จะเป็นคุณที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเขาเอง แต่ถ้าหากใช้ความรักไม่เป็น (เช่น รักแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัว) ก็จะได้รับผลกระทบจากความรักนั้นเสมอ
เมื่อพูดถึง วันวาเลนไทน์ก็อยากจะเล่าความเป็นมาให้ทราบพอสังเขป ครับ วันวาเลนไทน์มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนถือเอา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองของจูโน ราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน เป็นเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้ายและทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก จึงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนาดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับ ขณะเป็นนักโทษ เขาได้ตกหลุมรักหญิงสาวชื่อจูเลีย ที่เป็นบุตรสาวของผู้คุม เขาถูกตัดศีรษะ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 ศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำว่าวาเลนไทน์ ก็ใช้เป็นคำแทนความรัก มาจนถึงปัจจุบัน
ในบ้านเรา ในวันนี้มักจะถูกมองว่า เป็นวันเสียสาวบ้าง เป็นเสียตัวบ้าง ซึ่งค่านิยมนี้น่าจะได้รับการแก้ไข ขอให้วันนี้เป็นวันสร้างคุณค่าให้ชีวิต โดยเฉพาะเยาวชนทั้งหลายควรถือโอกาสเอาวันนี้ เป็นวันที่เริ่มต้นสร้างพลังแห่งตน โดยมีความรักที่บริสุทธิ์ ต่อพ่อแม่ ต่อครออบครัว ชุมชนและสังคม และเลิกแนวคิดที่จะมีความรักแบบสร้างภาระ หรือส่งผลกระทบต่อตัวเองและคนรอบข้าง เช่น การรักและมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ประเพณีวัฒนธรรมไทยที่ดีงามในอดีตเราได้ละเลยไป แต่ตรงข้าม ในขณะนี้ ประเทศทางยุโรปและอเมริกา กำลังนำวัฒธรรมรักนวลสงวนตัวไปใช้มากขึ้น ก็น่าคิดนะครับ


ท่านทราบไหมครับว่าวัยรุ่นไทยตั้งครรภ์โดยไม่มีความพร้อม ถึงร้อยละ 16 สำหรับในจังหวัดกาญจนบุรี พบถึง ร้อยละ 21.9 ซึ่งตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ไม่ควรเกิน ร้อยละ 10 ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อเยาวชนและครอบครัวมากมายเช่น 1. ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรส่งผลกระทบต่อสังคม โดยเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ได้แก่ กระทบด้านจิตใจ สุขภาพไม่สมบูรณ์ การทำแท้ง เด็กถูกทอดทิ้งและเด็กเร่ร่อน ความเสื่อมของวัฒนธรรมอันดีของสังคมไทย ติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และ คุณภาพของประชากรต่ำ เป็นต้น


ฉะนั้น คงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ เช่น พ่อแม่ผู้ปกครองควรสร้างภูมิคุ้มกันเยาวชน โดยให้ความรักความอบอุ่น สื่อสารกันด้วยมธุรสวาจา ครูอาจารย์คอยเอาใจใส่สอดส่องดูแล สร้างศักยภาพและเจตคติที่ดีของเยาวชนให้รู้จักป้องกันตนเองมองเห็นคูณค่าตนเอง และตัวเยาวชนเองต้องรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของคนที่คิดไม่ซื่อ หรือแม้แต่คนไกล้ชิดเองก็ตาม อยากจะฝากแนวทางการดูแลตัวเองเพื่อให้ปลอดภัยและไม่เสียสาว ดังนี้ 1. อย่าเดินที่เปลี่ยว และถ้าจำเป็นต้องเดินก็ควรจะไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ 2. อย่าออกนอกบ้านในยามค่ำคืนโดยลำพัง 3. การแต่งกายจะต้องระวังอย่าแต่งยั่วยุทางกามรมย์ 4. เมื่อมีความไม่สบายใจ หรือภายหลังการทะเลาะกับบุคคลในบ้านหรือคนรัก ไม่ควรออกนอกบ้านโดยเด็ดขาด 5. ไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนชายมาส่งที่บ้านยามค่ำคืนเด็ดขาด 6. หลีกเลี่ยงการคบเพื่อนหรือออกเที่ยวกับคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า 7. จะต้องไม่เชื่อคารมหรือถ้อยคำของบุคคลแปลกหน้า หรือไม่คุ้นเคยอย่างสนิทใจ 8. อย่าเดินผ่านทางที่มืด ตรอกซอยที่เปลี่ยว ที่ไม่น่าไว้วางใจ


9. จะต้องไม่ไปมั่วสุ่มแหล่งเริงรมย์ต่าง ๆ 10. อย่าอยู่ในสวนสาธารณะในที่เปลี่ยวตามลำพัง 11. อย่าขับรถคนเดียวในเวลาค่ำคืน หญิงสาวจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษตรวจตราว่าล็อดกลอนประตูทุกบานหรือยัง 12. อย่าไปเที่ยวบ้านผู้ชายหรืออยู่กับผู้ชายตามลำพังในสถานที่ลับตาคน และ 13. ต้องหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดหรือเสพของมึนเมาทุกชนิด ส่วนเยาวชนชายเองก็ต้องไห้เกียรติผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ของเรา มีความรักที่รับผิดชอบและสร้างสรรค์ ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ขอให้ อดเปรี้ยวไว้กินหวานนะครับ


ด้วยความปรารถนาดี


วิจารณ์ นามสุวรรณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น